ทำเว็บอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ
1.กำหนดและโฟกัสกลุ่มเป้าหมายของเว็บไซต์ของกิจการที่ชัดเจน
หากกิจการต้องการทำเว็บไซต์ และกลุ่มเป้าหมายของเว็บไซต์เป็นคนทั่วไป ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ดูอาจจะกว้างจนเกินไป จนทำให้การประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ของกิจการเป็นไปได้ยาก เพราะเว็บกิจการไม่ได้กำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน แต่หากเว็บไซต์กิจการได้มีการกำหนด กลุ่มเป้าหมายของเว็บไซต์กิจการที่ชัดเจนแล้ว จะทำให้กิจการสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเหล่านั้นได้ง่าย และมีประสิทธิภาพ และรวมถึงกว่าทำการตลาด และการประชาสัมพันธ์เว็บไซต์กิจการก็ดูจะเป็นเรื่องง่ายมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น เว็บไซต์www.Mrpalm.com มีการกำหนดกลุ่มเป้าหมายของเว็บไซต์ของตัวเองได้อย่างชัดเจน โดยเจาะไปยังกลุ่มคนใช้ Palm และ PDA ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ เป็นกลุ่มที่มีจำนวนคนไม่มาก แต่ส่วนใหญ่คนใช้ Palm หรือ PDAจะรู้จักเว็บไซต์ MrPalm.com ซึ่งตรงนี้ทำให้เว็บไซต์นี้เป็นศูนย์รวมของคนใช้ Palm และ PDA ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย
การทำอะไรเป็นสิ่งแรก และเป็นสิ่งที่คนอื่นยังไม่ได้ทำ ย่อมมีความได้เปรียบกว่า เพราะคนทั่วไปจะสามารถ “จดจำ” คนที่ทำอะไรเป็นคนแรกได้ดีกว่า คนที่ทำคนที่สองหรือสาม เช่นเดียวกัน หากกิจการต้องการทำเว็บไซต์ กิจการควรจะทำเว็บที่คนอื่นยังเคยมีใครทำ (แต่ต้องทำเว็บที่ดูน่าลูกค้าสนใจอยากให้มีขึ้น) แต่บางครั้ง กิจการอาจจะทำอะไรบางอย่างเป็นคนแรก แต่คนทั่วไปไม่รู้ว่ากิจการทำสิ่งๆ นั้นเป็นคนแรก กิจการก็อาจจะสูญเสียความเป็น “คนแรก” ให้กับคนที่สองหรือสามได้เหมือนกัน ดังนั้น เมื่อทำเป็นอะไรเป็นคนแรกแล้วก็ควรให้คนอื่นๆ เค้ารู้ด้วยว่ากิจการ คือ คนแรกจริงๆ และต้องพยายามทำให้ได้ เมื่อใดก็ตามที่หลายๆคนเค้าคิดถึงๆเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์กิจการ เค้าต้องคิดถึงเว็บไซต์กิจการเป็นเว็บแรกให้ได้ ยกตัวอย่างเช่นหากเราคิดถึงจะซื้อขายของมือสองผ่านเว็บไซต์ หลายคนนึกถึงwww.ThaiSecondhand.com ทันที เพราะการที่เว็บนี้ให้บริการด้านซื้อ-ขายของมือสองผ่านเว็บไซต์เป็นเว็บแรกๆ ของไทย ทำให้คนทั่วไปสามารถจดจำได้ ซึ่งกิจการมีโอกาสอีกมากในการทำด้วยการไปศึกษาเว็บไซต์จากต่างประเทศ และนำมาประยุกต์ใช้กับกิจการ
3.สร้างจุดเด่นหรือความแตกต่าง (Differentiate)
เว็บไซต์ ของกิจการอาจจะไม่ใช้คนแรกที่ทำเว็บไซต์ในประเภทของเว็บไซต์นั้น แต่กิจการสามารถสร้างความแตกต่าง และจุดเด่นที่เหนือกว่าคนอื่นๆ ที่ทำเว็บไซต์ประเภทเดียวกันได้ กิจการก็อาจจะเป็นที่รู้จักและจดจำได้ดีกว่าเว็บที่ทำมาเป็นเจ้าแรก เพราะถ้ากิจการไม่แตกต่างๆ จากคนอื่นๆ คนทั่วไปอาจจะไม่สามารถจดจำเว็บไซต์กิจการได้ ถ้าเว็บไซต์แบบกิจการมีอยู่มากมายในตลาดอยู่แล้ว ยกเว้นเว๊บของกิจการจะเป็นเว็บใหม่เอี่ยมไม่เคยมีใครทำมาก่อน (First Mover) ก็จะมีโอกาสมากที่จะจำได้
4.สร้างสังคม (Community)ให้เกิดขึ้นในเว็บของกิจการ
ด้วย หลักการทำเว็บให้ประสบความสำเร็จประกอบไปด้วย C 6 ตัว ซึ่ง C ตัวหนึ่งที่สำคัญก็คือ C.Community หรือสังคม ซึ่งหากกิจการสามารถสร้างสังคมให้สามารถเกิดขึ้นได้ในเว็บไซต์กิจการแล้ว เว็บไซต์กิจการก็จะมีคนเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการสร้างสังคมในเว็บไซต์สามารถสร้างได้ โดยใช้เครื่องมือหลายๆ อย่างเช่น เว็บบอร์ด, ห้อง Chat Room, การมีข่าวสารต่างๆ ที่น่าสนใจ เป็นต้น เว็บบอร์ดดูเหมือนจะเป็นเครื่องมือชั้นดีในการสร้างสังคมให้เกิดขึ้นในเว็บ ไซต์ บางคนเข้าเว็บบอร์ดบ่อยมาก เพราะเมื่อเข้ามาแล้ว เขารู้สึกเหมือนเข้ามาอยู่อีกสังคมหนี่งที่มีคนหลายๆ คนมาพูด-คุยในเรื่องที่เค้าชอบและสนใจซึ่งหากสังคมในเว็บกิจการมีความน่า สนใจ และมีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน เว็บไซต์ของกิจการก็จะมีคนที่เข้ามาพูดคุยกันอย่ตลอดเวลา ซึ่งจะช่วยทำให้เว็บไซต์กิจการมีจำนวนคนเข้าเพิ่มมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่นเว็บไซต์ www.smart-mobile.com เป็นเว็บไซต์ของคนที่ชอบโทรศัพท์ PDA, Smart Phone ก็จะมีเว็บบอร์ดที่มีคนเข้าไปพูดคุยกันเรื่องกันมากมายเกี่ยวกับโทรศัพท์และ อุปกรณ์ PDA กันมากมายภายในเว็บไซต์แห่งนี้
5.ประชาสัมผันธ์ให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย (Right to Target)
มี เว็บไซต์มากมายล้เหลวในข้อนี้ คือ มีเว็บไซต์แล้วแต่ไม่ได้ทำการประชาสัมพันธ์เลยรอ และหวังว่าจะมีคน (หลง) เข้ามาในเว็บกิจการ ซึ่งหากกิจการไม่ทำการประชาสัมพันธ์ ก็คงเป็นการยากที่เว็บกิจการจะเป็นที่รู้จักและมีคนเข้ามาใช้บริการ ซึ่งการประชาสัมพันธ์ที่ดี และให้ได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพนั้นกิจการก็ควรทำการประชาสัมพันธ์ไปให้ตรง กับกลุ่มเป้าหมายของกิจการมากที่สุด ยกตัวอย่างเช่น หากกิจการเป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับเรื่องสุขภาพหรือความงาม กลุ่มเป้าหมายของกิจการเป็นผู้หญิง กลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน ดังนั้นกิจการก็ควรจะเลือกช่องทางหรือสถานที่ในการประชาสัมพันธ์ที่มีกลุ่ม เป้าหมายกิจการอยู่เช่น การทำการประชาสัมพันธ์ในเว็บไซต์ที่ผู้หญิงส่วนใหญ่เข้าไปใช้บริการ เช่น เว็บไซต์เกี่ยวกับผู้หญิงเว็บไซต์เกี่ยวกับการดูดวง เว็บไซต์ข่าวบันเทิง หรือ เว็บไซต์ละคร เป็นต้น เพื่อที่จะสามารถสื่อสารได้ตรงไปยังกลุ่มลูกค้าของกิจการให้ได้ผลและมี ประสิทธิภาพ หากต้องการรู้ว่า กลุ่มเป้าหมายกิจการ นิยมเข้าไปที่เว็บไซต์ไหน
การจัดระบบโครงสร้างข้อมูล (Information Architecture) เป็นพื้นฐานในการออกแบบ เว็บไซท์ที่ดี การพิจารณาว่า เว็บควรจะมีข้อมูลและการทำงานใดบ้าง และสามารถแบ่งเป็น Phase
ได้ดังนี้
Phase 1: สำรวจปัจจัยสำคัญ (Research)
Phase 2: พัฒนาเนื้อหา (Site Content)
Phase 3: พัฒนาโครงสร้างเว็บไซท์ (Site Structure)
Phase 4: ออกแบบและพัฒนาหน้าเว็บ (Visual Design)
Phase 5: พัฒนาและดำเนินการ (Production & Operation)
เทคนิคการทำ SEO
การทำ SEO หรือ Search Engine Optimizer นั้นเป็นการทำให้โครงสร้างข้อมูลภายในเว็บของเราที่บรรจุอยู่ใน HTML ของเรา และพวก URL ของเรานั้น มีความหมายและทำให้ Crawler (ซึ่งต่อไปจะขอเรียกเป็น Search Engine เพื่อให้เข้าใจตรงกัน) นั้นสามารถเข้ามาเก็บข้อมูลในเนื้อหาของเราได้ง่าย และตรงกับความต้องการให้ได้มากที่สุด
ซึ่งโดยปกติแล้วจะแนะนำให้ใช้ XHTML ร่วมกับ CSS โดยที่ XHTML นั้นเป็นส่วนที่ใช้สำหรับใส่ข้อมูลและมี Tag พวก XHTML ต่าง ๆ เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเนื้อหาให้น้อยที่สุด โดยมีแต่ส่วนที่กำหนดพื้นที่สำหรับแสดงผลต่าง ๆ เป็นชื่อที่สื่อความหมาย โดยใช้พวก <div> และ <span> แล้วกำหนดพื้นที่ของ Layout ด้วยชื่อที่กำหนดใน id หรือ class และโยนหน้าที่การกำหนด Layout ต่าง ๆ ไปที่ CSS ทั้งหมด เพื่อลดขนาดของไฟล์ HTML ที่ตัว Search Engine จะดึงไปเพื่อทำการ Parse ข้อมูลออกมา ทำให้ Search Engine ใช้เวลาประมวลผลต่าง ๆ ลดลงได้มากด้วย แถมลด B/W ลงไปได้เยอะมาก ๆ ในกรณีที่เว็บของเรานั้นมี Priority ในการเข้ามา index ข้อมูลของ Search Engine สูง ๆ
วิธีง่ายๆ
- ใส่ Keywords หลัก ๆ ลงบน Title
- ใช้ tag Heading
- ใช้ alt, title, id, class และพวก caption ต่าง ๆ
- ใช้ META Tag ถึงแม้ว่า META Tag
- ใช้ Sitemap
- ทำ URL Friendly
